บทสัมภาษณ์ น้อง F หนุ่มวิศวกรรมศาสตร์ ทำไมถึงตัดสินใจเรียน PSU @ Portland

Q : ช่วยเล่า background ตัวเองให้ ฟังหน่อยได้มั้ยครับ (จบที่ไหน ชั้นปี อะไร)

F: ได้ครับ ตอนนี้เรียนอยู่ที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชั้นปีที่4 ครับ

Q: แล้วทำไมถึงตัดสินใจเรียน PSU @ Portland ในมุมมองของ F เลือกเพราะอะไร (ทั้งๆที่มีหลายสถาบันไม่ว่าจะเป็น เอกชน หรือ ของมหาวิทยาลัย อีกทั้งหลายประเทศที่เราก็เลือกไปเรียนได้ )

F : ก็คือตอนแรกเราก็เลือกก่อนว่าเราอยากไปเรียนภาษาเมืองอะไร เราก็คิดว่าเราอยากไปเมืองที่ไม่ใหญ่มากนัก มีคนไทยน้อยๆ ผู้คนในเมืองมีอัธยาศัยดี nice จึงเลือกเมือง Portland แล้วยิ่งมีเพื่อนเคยไปที่เมืองนี้รีวิวว่าเมืองนี้ดีจริงๆ ก็เลยทำให้ตัดสินใจง่ายขึ้นไปอีก นอกจากนี้ยังเป็นเมืองที่มีการคมนาคมง่ายมากๆอีกด้วย พอเราเลือกเมืองได้เราก็มาดูมาที่เมืองมีที่ไหนให้เรียนบ้าง ก็จะมี PELA , KAPLAN และ PSU เราก็เริ่มศึกษาว่าที่ไหนเป็นยังไงบ้าง พี่ภูก็ช่วยแนะนำว่าแต่ละที่เป็นยังไงแล้วก็เราตัดสินใจเองว่าจะเลือกที่ไหน สุดท้ายเราก็เลือก PSU เพราะมันเป็นสถานที่ที่เหมาะกับการเรียนจริงๆไม่ใช่มาเรียนเล่นๆตอนเช้า และไปเที่ยวตอนบ่าย

Q : มองการไปเรียน Intensive English Program เพราะอะไร แล้วไปนานแค่ไหน มีผลหรอไปสั้นๆ 3-4 เดือน
ในอนาคตแค่ไหนเชื่อมั่นประสบการณ์ต่างประเทศอย่างอเมริกาแค่ไหน
F : เรามองว่าภาษาอังกฤษเป็นเครื่องมือสำคัญของการทำงานในอนาคต เราจะเห็นได้ชัดเลยว่าถ้าเราทำงานกับบริษัทข้ามชาติที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารตลอด จะได้เงินเดือนเริ่มต้นมากกว่าบริษัทไทยที่ใช้แค่ภาษาไทย เราจึงอยากพัฒนาภาษาอังกฤษของเราให้ดี และเราก็คิดว่าการไปเรียน IEP ประมาณ 2 เดือน ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะช่วยพัฒนาภาษาอังกฤษของเราได้ เรารู้สึกว่า 2 เดือนอาจจะดูเป็นเวลาสั้นๆของการเรียน แต่เรามองว่า ถ้าในแต่ละวันของ 2 เดือนนั้นๆ เราได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษตลอดเวลาละ มันจะเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานแค่ไหน

F : อยากให้เล่าถึงประสบการณ์ในขอวีซ่า เตรียมตัวขนาดไหน เครียดมากมั้ย โดยเฉพาะเรื่องที่กังวล คิดมากตรงประเด็นไหน และตอบยังไงให้สถานทูตจะเชื่อว่าเราไปเรียนจริงๆ
เอาละเอียดที่สุดนะ เพราะน้อง f ชิวส์ดี หรือซ้อมแค่ไหน

F: ก่อนอื่นเลยต้องขอบคุณพี่ภูที่ช่วยดูแลเรื่องวีซ่าให้ เพราะว่าตอนแรกเราคิดจะไปเอง ทำเอง ขอเอง ทำทุกอย่างเอง แต่สุดท้ายมันงงมากๆ จนได้มาเจอ Torch Education ทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้นมากๆ เราก็ไม่รู้ว่าต้องเตรียมตัวยังไงเหมือนกัน เพราะขั้นตอนส่วนใหญ่พี่ภูจัดการให้หมดเลย เราแค่ส่งข้อมูลและทำเอกสารตามที่พี่ภูบอก แล้วก็ไปทำวีซ่าที่สถานฑูตเอง รู้สึกว่าขั้นตอนน้อยมากๆ ส่วนเรื่องของการเตรียมตัว ตอนแรกก็ค่อนข้างตื่นเต้น เพราะพี่ภูก็บอกว่าถ้าได้เจอคนสัมภาษณ์วีซ่าที่ถามเยอะจะทำให้เราได้วีซ่ายากขึ้น แต่พี่ภูก็ช่วยลิสต์คำถามต่างๆที่มีโอกาสถูกถาม เราก็เลยได้เตรียมคำตอบไปสำหรับคำถามเหล่านั้น พอถึงวันต้องทำวีซ่าจริงๆ เราก็ไปที่สถานฑูตตามเวลานัด เวลานัดของเราคือ 8.00 แต่เราไปถึง 7.00 จริงๆเราว่าอาจจะไม่ต้องไปเร็วขนาดนี้ ไปสัก 7.30 ก็พอแล้ว เพราะสุดท้ายถ้ายังไม่ถึงเวลาสถานฑูตก็ยังไม่เรียกเราอยู่ดี พอถึงเวลาสัมภาษณ์ เราก็พยายามตอบให้ยาวๆ และ ตอบเป็นภาษาอังกฤษ ตามที่ภูได้บอกมา คำถามส่วนใหญ่ก็เป็นคำถามไม่ยากมาก เช่น ไปนานแค่ไหน จบจากคอร์สแล้วกลับไทยเลยไหม ใครจ่ายเงินให้ พ่อทำงานอะไร โรงงานที่บ้านทำอะไร เป็นต้น เราก็ตอบไปตามที่เราเตรียมมา ซึ่งก็ไม่มีอะไรน่ากังวลเพราะเราก็ตอบด้วยความมั่นใจ ไม่รน สุดท้ายวีซ่าเราก็ผ่าน

Q:หากมีหน่วยงานที่ให้คำแนะแนวเป็นที่ปรึกษาด้านการเรียนต่อ และโดยเฉพาะแบบ Torch educaton ที่มีการให้แนวทางการใช้ชีวิตในต่างประเทศ อยากให้มีบริการใดๆเพิ่มมั้ย หรืออยากจะพูดอะไรเกี่ยวกับ Torch Education บ้างมั้ย
F: เรื่องการบริการเพิ่มยังคิดไม่ออกเพราะรู้สึกว่าปัจจุบันก็ช่วยได้เยอะมากอยู่แล้ว อยากจะขอบคุณพี่ภูมากจริงๆ ที่ช่วยทำวีซ่า ช่วยสมัครเรียน PSU ช่วยกรอกเอกสาร เรียกได้ครบจริงๆ ถ้าดีกว่านี้คือไปสัมภาษณ์วีซ่าให้เลยแล้วกัน ฮ่าฮ่า ถ้าหากไม่มีพี่ภูนี่เอฟอาจจะไม่มีโอกาสไปเรียนภาษาอังกฤษที่อเมริกาเลยก็ได้

Q: ช่วยฝากหรือแนะนำอะไรให้เพื่อนๆน้องๆก่อนไปเรียน
F : ก็ถ้าน้องๆอยากไปเรียนเมืองนอก แล้วไม่รู้ว่าจะไปเรียนที่ไหนดี ต้องทำอะไรบ้าง พอลองหาข้อมูลจาก Pantip จนข้อมูลมัน Overload เหมือนพี่ พี่แนะนำว่าให้น้องหาที่ปรึกษาสักคนที่เชี่ยวชาญ และไว้ใจได้ เพื่อมาให้คำแนะนำน้องๆ ที่ปรึกษาคนนั้นของพี่ก็คือ พี่ภู Torch Education นี่แหละ