เคล็ด(ไม่)ลับการเขียน Essay ให้โดนใจ by P’Kay
เอสเส…สสสส (กรุณาอ่านออกเสียงเอคโค่ จะได้อารมณ์เพิ่มขึ้น 11.8% ค่ะ) หรือ บทความ เรียงความที่เราต้องเขียนนั้น มันไม่ได้ง่ายๆ เลยนะสำหรับนักเรียนไทยหรือแม้กระทั่งนักเรียนต่างชาติที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ ไม่ต้องดูอื่นไกล ขนาดการบ้านเขียนเรียงความภาษาไทย ภาษาแม่เราแท้ๆ ยังเขียนกันไม่ค่อยจะถูกหลักการผันวรรณยุกต์ ยกตัวอย่างเช่น คะ ค่ะ เกิดเป็นดราม่าบนสังคมออนไลน์บ่อยๆ นอกจากภาษาวิบัติ ภาษาแชต ที่ไม่ควรจะเขียนใส่ในเรียงความแล้ว ก็มิสมควรใส่อิโมชั่นไอคอนให้อาจารย์ที่ตรวจเรียงความเราอีกด้วยนะคะ
ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้เรียนหลักสูตรเอกภาษาอังกฤษที่มีวิชาบังคับเกี่ยวกับการเขียนภาษาอังกฤษไม่ว่าจะเป็นเขียนบทความ เขียนข่าว เขียนกลอน ฯลฯ เหมือนนักเรียนคนอื่นที่เอกอิ๊ง (Eng) แต่การพัฒนาทักษะการเขียนเรียงความของนักเรียนต่างชาติก็จะเป็นประโยชน์ต่อเราในหลายๆ ด้าน เช่น ช่วยให้เราเขียนใบสมัครขอรับทุนการศึกษาได้อย่างสละสลวยจนผู้อ่านเคลิ้ม ปลื้มปริ่ม อิ่มเอมและตัดสินใจให้เราเป็นผู้รับทุนไปเล้ยยย การที่เราต้องเขียนเรียงความทางวิชาการลักษณะนี้บ่อยๆ ตอนเรียนในมหาวิทยาลัยต่างประเทศจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการได้ขัดเกลาทักษะทางการเขียนที่สามารถไปต่อยอดในอนาคตได้นะคะ ใครจะไปรู้ วันดีคืนดี น้องๆ ที่นั่งอ่านบทความนี้อยู่ ในอนาคตอาจจะเป็นกวีซีไรต์ก็ได้นะ เราอาจจะเริ่มต้นฝึกฝนจากการอ่านเรียงความเยอะๆ เพื่อที่จะจับผิดหลักแกรมม่าให้ได้ เหมือนโคนัน+คินดะอิจิ ที่ต้องตามอ่านดูว่าเรียงความนี้มีจุดไหนที่ผิดบ้าง ผิดยังไง
ทอร์ช เอ็ดดูเคชั่นเรา รวบรวมเคล็ด(ไม่)ลับการเขียนเรียงความ และ ข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นบ่อยๆ สำหรับนักเรียนต่างชาติมาให้อ่านกันค่ะ
- ไม่ระมัดระวังในเรื่องของการผิดหลักไวยากรณ์ เชื่อหัวไอ้เรืองเหอะ ขนาดรูมเมทชาวอเมริกันยังผิดแกรมม่าได้เลย ถ้าเขาหรือเธอไม่ได้ใส่ใจเพียงพอที่จะตรวจสอบสิ่งที่เขียนให้ถูกต้อง เรื่องนี้ขอยืนยันว่าพวกเราชาวเอเชีย แม่น เป๊ะเว่อร์กับแกรมม่ามากกว่าเจ้าของภาษาแน่นอน ฟันธง การเขียนนั้นอาจจะดูดี ลื่นไหลมาก แต่ก็ต้องมั่นใจว่าไม่มีการผิดแกรมม่าหลงเหลืออยู่ ลองนึกภาพอาจารย์ที่ต้องให้เกรดกับกองกระดาษเรียงความที่ตั้งอยู่บนโต๊ะทำงานในตอนกลางคืนดูสิ ถ้าอาจารย์ต้องหยุด ขยับแว่นสายตาขึ้นลงบ่อยๆ เพื่ออ่านเรียงความซึ่งอ่านไปก็เจอแต่ข้อความที่ผิดแกรมม่า อาจารย์คงไม่ปลื้ม จบ! ไม่ว่าไอเดียการเขียนจะบรรเจิดบรรเจ้อ เพ้อ เอ้อเหอขนาดไหน ก็จอด!!!ลองใช้เคล็ดลับการอ่านถอยหลังสิคะ ใช้ได้กับเรียงความที่ไม่ค่อยยาวมาก ให้อ่านถอยหลังจากประโยคสุดท้ายไล่ไปจนถึงประโยคแรก อาจารย์ที่สอนวิชาการสื่อการที่เราชอบที่สุด สุดติ่งกระดิ่งแมว เป็นผู้ให้คำแนะนำนี้มาค่ะ เพื่อให้เราได้ตรวจสอบทั้งหมดอีกครั้งหนึ่งว่าเราได้เขียนอะไรลงไปบ้าง เวลาที่อ่านเรียงความปกติ สมองของเราจะสั่งการแบบมั่นๆ แอบทำให้เรามโนว่าเราช่างเขียนได้เลิศเลอ เพอร์เฟ็คโตะซะเหลือเกิน แต่การอ่านถอยหลังจะทำให้เราใช้เวลาในการพิจารณาแต่ละคำ แต่ละประโยค อย่างรอบคอบมากยิ่งขึ้น และสามารถจับจุดที่ผิดแกรมม่าได้ค่ะ แล้วก็อย่าลืมศูนย์การเขียนของโรงเรียน (school’s writing center) ซึ่งเป็นที่ที่น้องๆ จะได้พัฒนา ปรับปรุง รวมทั้งฝึกฝนทักษะการเขียนต่างๆ รวมถึงเรียงความด้วยค่ะ
- การใช้คำศัพท์ที่ไม่เหมาะสม ถ้าน้องๆ เพิ่งจะเข้ามาเรียนในฐานะนักเรียนต่างชาติปีหนึ่ง หรือ ที่เมืองไทยเรียกกันว่า น้องใหม่ หน้าใส วัยเฟรชชี่ นั่นละ น้องๆ อาจจะยังไม่ลืมคำศัพท์อลังการดาวล้านดวงของ SAT ที่ต้องท่องจำกันให้เข้าไปเพิ่มรอยหยักในสมองในการทำข้อสอบเพื่อเข้ามหาวิทยาลัย แต่ๆๆ ขอนะคะ อย่านำคำศัพท์เหล่านั้นมาใส่ในเรียงความทางวิชาการ ถ้าน้องๆ ไม่มั่นใจว่าความหมายคืออะไร หรือ ไม่มั่นใจว่าจะเรียบเรียงอย่างไรในการเขียนประโยค เพราะการที่โปรยคำศัพท์สวยหรู ฟู่ฟ่า เหล่านี้ในเรียงความนั้นไม่ได้ช่วยให้งานเขียนเหมือนจะฉลาดเหมาะกับวิชาการแต่อย่างใด ส่วนใหญ่ผลลัพธ์เป็นสิ่งตรงข้ามกันเลยค่ะ น้องๆ สามารถให้เจ้าหน้าที่ศูนย์การเขียนของโรงเรียนช่วยตรวจเช็คคำศัพท์ที่ใช้ และยังมีโอกาสจะเจอนักเขียนในดวงใจที่นี่อีกด้วยค่ะ สามารถพูดคุย และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการใช้คำที่แตกต่างออกไป แต่มีความหมายไปในทิศทางเดียวกัน ก็จะทำให้เราได้ทราบถึงแนวทางการเขียนของนักเขียนเก่งๆ เป็นการเปิดมุมมองให้เรากว้างไกลกว่าเดิมนะคะ

- การลืมใส่แหล่งที่มา การเขียนเรียงความทางวิชาการไม่เหมือนกับการเขียนบล็อก โพสต์เฟสบุ๊ค อัพไอจีนะคะ เรียงความเหล่านี้จะดูไม่มีสาระวิชาความรู้เลย ถ้าน้องๆ อ้างอิงถึงแต่สิ่งที่เพื่อนพูด หรือคำคมขึ้นมาลอยๆ ยิ่งไปกว่านั้นการคัดลอกผลงานหรือขโมยความคิดของคนอื่นโดยไม่อ้างอิงถึงแหล่งที่มาให้ถูกต้อง (plagiarism) เป็นสิ่งต้องห้ามในมหาวิทยาลัยต่างประเทศ ดังนั้น น้องๆ ในฐานะนักเรียนต่างชาติต้องเรียนรู้ถึงวิธีการอ้างอิงแหล่งที่มา (citation) ให้ถูกต้อง เป็นทักษะที่ต้องมี ต้องทำ และต้องเป็น นักเรียนต่างชาติที่เพิ่งมาเรียนต่อต่างประเทศ อาจจะไม่คุ้นเคยกับ citation ควรปรึกษาและขอคำแนะนำจากอาจารย์ที่สอนภาษาอังกฤษ เรียนรู้จากเพื่อนร่วมชั้น หรือไม่ก็อ่านเรียงความทางวิชาการเยอะๆ ก็ช่วยเพิ่มพูนทักษะนี้ได้นะคะ แถมยังติดนิสัยของการตรวจสอบงานเขียนของเราอีกว่าถูกต้องตามหลักการไหมเป็นโบนัสอีกด้วย ท้ายสุดแล้วน้องๆ จะตระหนักเองว่าวิกิพีเดีย (Wikipedia) ไม่ใช่แหล่งที่มาของข้อมูลเพียงแหล่งเดียวที่เราจะค้นหาได้เวลาเขียนเรียงความนะเออ
การพัฒนาทักษะด้านการเขียนภาษาอังกฤษนั้นไม่สามารถบรรลุได้แค่เพียงข้ามคืน ไม่ใช่ลืมตาตื่นมาแล้วเขียนลื่นไหลปรู๊ดปร๊าดดั่งเชกสเปียร์ ทุกอย่างต้องใช้เวลาและการฝึกฝน แต่การที่น้องๆ ทราบถึงข้อผิดพลาดที่มักจะเกิดขึ้นกับการเขียนเรียงความทางวิชาการของนักเรียนต่างชาติที่ไม่ได้พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาแรก ก็จะช่วยให้น้องๆ มีความระมัดระวังและมีสติทุกครั้งเวลาที่เขียนนะคะ
น้องๆ สามารถส่งเรียงความของตัวเองมาให้ Torch Education ตรวจสอบได้นะคะ พร้อมรับคำแนะนำจากทีมงานผู้เชี่ยวชาญผู้มากประสบการณ์เกี่ยวกับการเรียนต่อต่างประเทศทั้งสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย ฯลฯ
http://stanglibrary.wordpress.com
ทางทอร์ช มีบริการรับตรวจ แก้ไข SOP ให้ด้วยในราคาพิเศษ ติดต่อได้ที่ drpurit@gmail.com เพิ่มเติม http://www.torcheducation.com/?p=693
ทางทอร์ช เอ็ดดูเคชั่น ขอขอบคุณพี่เก้ MBA@ UMASS at Boston อีกครั้ง




Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.